วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559

น้ำตาไหลพราก !!! คนงานนับร้อย จู่ๆ ถูกสั่งปลดฟ้าผ่า กอดคอกันตกงาน?

1 มิ.ย 2559 โรงงาน 2 แห่ง เลิกจ้างพนักงาน โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าและไม่มีกำหนดจ่ายเงินชดเชย ทำให้คนงานต้องออกมาชุมนุมเรียกร้อง



คนงานกว่าร้อยชีวิต โผเข้ากอดกันร้องไห้ กับชะตากรรมที่ต้องเผชิญพร้อมกันในเช้าของเมื่อวานนี้ เป็นภาพที่ไม่มีใครอยากเห็น ซึ่งเกิดขึ้นภายในโรงงานปั่นด้ายของชาวอินเดีย ตั้งอยู่ตำบลน้ำเชียว อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งมีคนงานทั้งชาวไทย และแรงงานเพื่อนบ้าน 1,270 คน
คนงานมาเข้างานตามปกติ แต่กลับได้รับคูปองแจกคนละใบ พร้อมประกาศผ่านโทรโข่งตามมาว่า ผู้ที่ได้รับคูปองสีชมพู ให้กลับบ้านได้ และตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานแล้ว ทำให้คนงาน 716 คนที่ได้รับคูปองสีชมพู ซึ่งเป็นคนไทย 616 คนแรงงานเพื่อนบ้าน 100 คน ถึงกับช็อกและปล่อยโฮออกมาหลายคน เพราะคนงานที่ถูกเลิกจ้างแบบกระทันหันนี้ ล้วนมีฐานะทางบ้านยากจน บางคนก็อายุมากแล้ว ไม่รู้จะไปหางานทำที่ไหน ทำสำคัญบริษัทแจ้งเพียงว่าจะจ่ายค่าชดเชยให้ 1 เดือน แต่ไม่กำหนดเวลาให้มารับเงิน จึงไม่ยอมกลับออกไปจากโรงงาน และพากันปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณหน้าโรงงาน ที่มา http://newsdodai.blogspot.com/2016/08/blog-post_3.html

น้ำตาไหลพราก !!! คนงานนับร้อย จู่ๆ ถูกสั่งปลดฟ้าผ่า กอดคอกันตกงาน?


1 มิ.ย 2559 โรงงาน 2 แห่ง เลิกจ้างพนักงาน โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าและไม่มีกำหนดจ่ายเงินชดเชย ทำให้คนงานต้องออกมาชุมนุมเรียกร้อง



คนงานกว่าร้อยชีวิต โผเข้ากอดกันร้องไห้ กับชะตากรรมที่ต้องเผชิญพร้อมกันในเช้าของเมื่อวานนี้ เป็นภาพที่ไม่มีใครอยากเห็น ซึ่งเกิดขึ้นภายในโรงงานปั่นด้ายของชาวอินเดีย ตั้งอยู่ตำบลน้ำเชียว อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งมีคนงานทั้งชาวไทย และแรงงานเพื่อนบ้าน 1,270 คน
คนงานมาเข้างานตามปกติ แต่กลับได้รับคูปองแจกคนละใบ พร้อมประกาศผ่านโทรโข่งตามมาว่า ผู้ที่ได้รับคูปองสีชมพู ให้กลับบ้านได้ และตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานแล้ว ทำให้คนงาน 716 คนที่ได้รับคูปองสีชมพู ซึ่งเป็นคนไทย 616 คนแรงงานเพื่อนบ้าน 100 คน ถึงกับช็อกและปล่อยโฮออกมาหลายคน เพราะคนงานที่ถูกเลิกจ้างแบบกระทันหันนี้ ล้วนมีฐานะทางบ้านยากจน บางคนก็อายุมากแล้ว ไม่รู้จะไปหางานทำที่ไหน ทำสำคัญบริษัทแจ้งเพียงว่าจะจ่ายค่าชดเชยให้ 1 เดือน แต่ไม่กำหนดเวลาให้มารับเงิน จึงไม่ยอมกลับออกไปจากโรงงาน และพากันปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณหน้าโรงงาน

ที่มา http://newsdodai.blogspot.com/2016/08/blog-post_3.html

รวยไม่จน !!! เผย 5 จุดสำคัญ ที่ห้ามวาง สิงศักดิ์สิทธิ์ ทำตามแล้วคนในบ้านมีแต่ความสุข

งศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่ทุกบ้านต้องมี เพื่อความสบายใจและให้เป็นศิริมงคลแก่คนในบ้าน แต่ก็ใช่ว่าเพียงแค่หามาแล้วจะนำไปวางหรือไปจัดตั้งไว้ตรงไหนก็ได้ ตามความเชื่อแล้ว การวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ถูกจุดของบ้านก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะส่งผลดีหรือผลเสียต่อคนในบ้าน วันนี้ไข่เจียวมีความรู้มาฝาก เกี่ยวกับ 5 จุดในบ้านที่ไม่ควรวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะจะส่งผลเสียกับคนในบ้าน จะมีจุดไหนบ้างไปดูกันเลย





1) ห้ามวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์พิงผนังห้องน้ำ
ตามหลักเบญจธาตุ (5 ธาตุ) สิ่งศักดิ์แทนความหมายของธาตุไฟ ส่วนห้องน้ำ ห้องส้วม คือ ธาตุน้ำ ซึ่งตามธรรมชาติน้ำจะดับไฟ จึงถือเป็นธาตุที่กระทบหรือพิฆาตกัน
2) ห้ามวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือขอบประตู
เพราะประตูเป็นจุดที่ไม่มั่งคั่ง กระแสที่วิ่งลอดไปมาจะก่อให้เกิดความวุ่นวาย
3) ห้ามวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใต้คานบ้าน
เพราะคานจะกดทับองค์ทำให้พลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถูกกดเอาไว้ ไม่สามารถช่วยได้อย่างเต็มที่
4) เหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ห้ามเป็นห้องน้ำหรือเตียงนอน
ถือว่าไม่แสดงความเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
5) ห้ามวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์พิงเสาที่ลอย
เสาลอยแสดงถึงความไม่มั่นคง การเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปวางในที่ที่ไม่มั่นคง
เป็นความเชื่อที่เชื่อกันมาตั้งแต่โบราณกาล ก็อยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละคน แต่เพื่อความสบายใจ การเชื่อคำเตือนคนโบราณก็ไม่เสียหาย เพราะส่วนใหญ่มักจะมีเหตุมีผลของความเชื่อ และให้ผลดีเสมอค่ะ

ที่มา http://newsdodai.blogspot.com/2016/06/5_15.html

เด็กน้อยเห็นสิ่งแปลกๆ ในทะเลสาบ แต่ไม่ได้สนใจ จนกระทั่ง 50 ปีต่อมา เขากลับมาเจอสิ่งนี้!!!



เมื่อประมาณ 50 ปีก่อน เด็กชายคนหนึ่งกำลังเดินเลียบทะเลสาบ Kurtna Matasjarv ในประเทศรัสเซีย และได้เห็นบางสิ่งแปลกๆ บริเวณริมตลิ่ง เขาเห็นเหมือนร่องรอยของรถถังที่วิ่งเข้าไปในทะเลสาบ แต่ก็ไม่ได้พบอะไรอย่างอื่นอีก






จนกระทั่ง 2 เดือนต่อมา เขากลับมาที่นี่อีกครั้ง เขาสังเกตุเห็นฟองอากาศที่ผุดขึ้นจากทะเลสาบ แต่ก็ไม่ได้สนใจมันจนถึงขนาดต้องลงไปสำรวจใต้น้ำแต่อย่างใด แต่เรื่องราวยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ เพราะ 50 ปีต่อมา เขาเกิดนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา จึงได้ตัดสินใจกลับไปยังสถานที่แหงนี้อีกครั้งเพื่อคลายข้อสงสัยในวัยเด็ก และสิ่งที่เขาพบก็ทำให้เขาต้องถึงบางอ้อ เพราะตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา มีรถถังคันโต มาจม







อยู่ในทะเลสาบแห่งนี้นั่นเอง หลังจากขุดลึกลงไป ก็พบว่ารถถังคันนี้จมลงไปลึกถึง 7 เมตร รถถังคันนี้คือรถถังรุ่น Komatsu D375A-2 ซึ่งเป็นรถถังตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เหล่าบรรดาผู้ที่ชื่นชอบในประวัติศาสตร์ ต่างมาช่วยกันดึงมันขึ้นมาจากทะเลสาบแห่งนี้ และนี่ก็ถือเป็นอีกการค้นพบที่น่าตื่นเต้นไม่น้อย ว่าแต่ไม่รู้รถถังที่ถูกค้นพบนี้ จะต้องเป็นของใคร ชายผู้นี้จะมีสิทธิ์ในรถถังคันนี้หรือมันจะตกเป็นของรัฐบาลกันแน่



ที่มา http://newsdodai.blogspot.com/2016/05/50.html

เกือบสาย !!! พัดลมเสีย ไม่หมุน หมุนช้า ซ่อมเองง่ายๆ ใช้เงินเพียงแค่ 20 บาท (มีคลิป)

อาการพัดลมไม่หมุน พัดลมหมุนช้าเราสามารถซ่อมได้ง่าย ๆ ครับ ไม่ต้องยกไปร้านสามารถทำได้เองทั้งผู้หญิงและชาย เพราะอาการ พัดลมไม่หมุนฝืด มีสาเหตุไม่มากครับงั้นเรามาดูกันครับว่าการซ่อม พัดลมตั้งโต๊ะไม่หมุน เนี่ยมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง




อาการเสียพัดลมไม่หมุนเกิดจากตัว Capacitor ที่ทำงานร่วมกับ Motor ของพัดลมเสียครับ Capacitor หรือที่บางคนเรียกว่า ตัว C หรือบางคนเรียกตัว CAP ครับ ไม่ผิดแต่อย่างใด จริงๆ แล้ว อาการพัดลมหมุนช้า ไม่หมุนนั้น โดยมากเกิดได้จาก 2 สาเหตุหลัก ๆ ก็คือ Motor เสีย และตัว Capacitor ค่ามันเสื่อมหรือเสียนั่นแหละครับ ซึ่งโอกาสที่จะเป็นไปได้มากที่สุดก็เป็นเจ้าตัว Capacitor นี่แหละครับ ส่วนอาการอื่นๆ ที่อาจจะเกิดตัว Capacitor เสียได้อีกก็คือ พัดลมไม่หมุน หรือ ต้องหมุนด้วยมือก่อนถึงจะทำงาน หรือ ทำงานไปซักพักก็ค่อยๆ หยุด จับตัว Capacitor เปลี่ยนได้เลยเช่นกันครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรจะตรวจเช็คดูก่อนนะครับว่าแกนหมุนไม่ได้ฝืดมาก อันนั้นเกิดจากไม่ค่อยได้ถอดมาล้างทำความสะอาด เป่า ปัด ฝุ่นบริเวณมอเตอร์เลย ซึ่งควรทำเป็นประจำครับ 2-3 เดือนซักครั้งนึงหากเราใช้งานทุกวันแต่ผมใช้ยาวครับได้ถอดมาทำความสะอาดเลย คริคริ..





เครื่องมือที่ใช้ซ่อมพัดลมไม่หมุนก็มีดังนี้ครับ
1. ไขควงแฉก
2. คีมตัดหรือ Cutter ก็ได้
3. หัวแร้ง
4. ตะกั่วบัดกลี
5. ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือตัว Capacitor
6. ส่วน Meter วัดไฟจะมีหรือไม่มีก็ได้ครับ ไม่ค่อยจำเป็นผมเอามาเช็คเพื่อให้เห็นว่าตัวที่เสียเกิดจากตัว Capacitor ครับ





นี่ครับตัว Capacitor ราคา 20 บาทเอง ซื้อได้ที่ร้านอมรครับ หากใครมีโอกาสไปเดินบ้านหม้อก็อาจจะหาได้ในราคา 10-15 บาท หรือร้านที่ขายอะหลั่ยเครื่องใช้ไฟฟ้า แล้วแต่สะดวกครับ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าใช้ค่าแบบไหนสำหรับตัวที่เราจะซ่อม ก็ต้องถอดร์อพัดลมมาดูก่อนครับ ซึ่งโดยทั่วๆ ไป (เกือบทุกยี่ห้อทุกรุ่น) ก็จะใช้ค่า 1.5uF(Micro Farad) 400V ครับ แต่เพื่อชัวร์ก็ควรจะถอดรื้อดูก่อนครับ หรือเอาตัวอย่างไปถามที่ร้านขายได้เลย บอกคนขายว่า Capacitor พัดลมครับ





ขั้นตอนแรกก็ถอด ๆๆ ก่อนเลยครับ ก่อนที่จะถอดอย่าลืมดึงปลั๊กก่อนนะครับ เกือบ ทุกยี่ห้อของพัดลมเจ้าตัว Capacitor จะอยู่ติดกับ Motor ครับแต่บางรุ่นจะอยู่ที่ปุ่มกด speed ครับ เพราะหากลากสายยาวไป สายที่เพิ่มขึ้นก็อาจจะทำให้ค่า Capacitor เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ เพราะฉะนั้นบริษัทผู้ผลิตก็จะเอาไว้ติดกับ Motor ครับ โดยจะมีน๊อต 2 ตัว ต้องถอดน๊อตตัวบนก่อน จากนั้นก็ถอดตัวที่ท้ายครับ


หลังจากนั้นก็จะได้หน้าตาแบบนี้ครับ ตัว Capacitor ก็คือที่ลูกศรชี้ไว้นั่นแหละครับ ขันน๊อตตัดสายออกมาได้เลย ไม่มีขั้วครับ ตอนต่อกลับต่อยังไงก็ได้ เอามาตรวจวัดให้ดูครับ ค่าที่ได้ของตัวนี้คือ 0.444 uF ซึ่งค่าปกติจะเป็น 1.5 uF เสียแน่นอน ซึ่งถ้าค่าน้อยกว่านี้อาจจะทำให้พัดลมไม่หมุนเลยก็ได้ ค่าที่โชว์ในรูปคือ 444.2 nF (Nano Farad) ซึ่งก็เท่ากับ 0.4442 uF (Micro Farad) ซึ่งก็คล้ายๆ กับ 1000 มิลลิกรัม เท่ากับ 1 ครับ 1000 เท่ากับ 1 กิโลกรัม นั่นแหละครับ ซึ่งจริงๆ ค่าพวกนี้มันแบ่งย่อยได้ลงไปอีก มิลลิ —> ไมโคร —> นาโน —> พิโก้ ใครเรียนมาทางสายวิทย์อาจจะคุ้นเคยAdvertisement


จากนั้นก็ปอกสายไฟตรงปลายเพื่อพัดกลีครับ ต้องระมัดระวังไม่ไปทำให้ส่วนอื่นๆ ของพัดลมเสียหายนะครับ เพราะขดลวด motor จะเล็กมากๆ ขายเอาได้ง่าย จริงๆ ขั้นตอนนี้ใครไม่มี หัวแร้ง ตะกั่ว ก็สามารถใช้วิธีการพันสายไฟได้ครับ เพียงแต่ต้องพันเข้ากันให้แน่นหนาที่สุด และหลังจากนั้นต้องพันด้วยเทปพันสายไฟอีกครั้ง อันนี้จำเป็นมากๆ นะครับไม่งั้นไฟช๊อตเอาได้
เสร็จแล้วก็จัดเก็บตำแหน่งครับ ขัดน๊อตยึดตัว Capacitor หรือหากตัวใหม่ที่ซื้อมาไม่มีขาสำหรับยึดน๊อต เหมือนที่ผมซื้อมาก็ใช้กาวสองหน้าได้ครับ จากนั้นก็ใส่ฝาครอบคืนตำแหน่ง ใส่ขาที่สำหรับดึงให้พัดลมส่าย คืนตำแหน่งครับ
เพิ่มเติมน้ะครับพอดีไปเจอ Video สอนซ่อมพัดลมหมุนช้ามาครับเลยเอามาฝากครับ


เห็นไหมครับว่าการซ่อมพัดลมอาการพัดลมหมุนช้าหรือพัดลมไม่หมุนนั้นเราเองสามารถซ่อมได้เพี่ยงแค่ 20 บาทเท่านั้น หากเราเอาพัดลมไปซ่อมที่ร้านรับรองต้องมี 200-300 บาทแน่นอนครับ และอีกอย่างเราเองก็ภูมิใจที่ได้ทำอะไรด้วยตัวเองโดยเริ่มจากการซ่อมพัดลมไม่หมุนนี่แหละครับ

 

ที่มา http://newsdodai.blogspot.com/2016/06/20_26.html

เกือบสาย !!! พัดลมเสีย ไม่หมุน หมุนช้า ซ่อมเองง่ายๆ ใช้เงินเพียงแค่ 20 บาท (มีคลิป)

อาการพัดลมไม่หมุน พัดลมหมุนช้าเราสามารถซ่อมได้ง่าย ๆ ครับ ไม่ต้องยกไปร้านสามารถทำได้เองทั้งผู้หญิงและชาย เพราะอาการ พัดลมไม่หมุนฝืด มีสาเหตุไม่มากครับงั้นเรามาดูกันครับว่าการซ่อม พัดลมตั้งโต๊ะไม่หมุน เนี่ยมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง




อาการเสียพัดลมไม่หมุนเกิดจากตัว Capacitor ที่ทำงานร่วมกับ Motor ของพัดลมเสียครับ Capacitor หรือที่บางคนเรียกว่า ตัว C หรือบางคนเรียกตัว CAP ครับ ไม่ผิดแต่อย่างใด จริงๆ แล้ว อาการพัดลมหมุนช้า ไม่หมุนนั้น โดยมากเกิดได้จาก 2 สาเหตุหลัก ๆ ก็คือ Motor เสีย และตัว Capacitor ค่ามันเสื่อมหรือเสียนั่นแหละครับ ซึ่งโอกาสที่จะเป็นไปได้มากที่สุดก็เป็นเจ้าตัว Capacitor นี่แหละครับ ส่วนอาการอื่นๆ ที่อาจจะเกิดตัว Capacitor เสียได้อีกก็คือ พัดลมไม่หมุน หรือ ต้องหมุนด้วยมือก่อนถึงจะทำงาน หรือ ทำงานไปซักพักก็ค่อยๆ หยุด จับตัว Capacitor เปลี่ยนได้เลยเช่นกันครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรจะตรวจเช็คดูก่อนนะครับว่าแกนหมุนไม่ได้ฝืดมาก อันนั้นเกิดจากไม่ค่อยได้ถอดมาล้างทำความสะอาด เป่า ปัด ฝุ่นบริเวณมอเตอร์เลย ซึ่งควรทำเป็นประจำครับ 2-3 เดือนซักครั้งนึงหากเราใช้งานทุกวันแต่ผมใช้ยาวครับได้ถอดมาทำความสะอาดเลย คริคริ..





เครื่องมือที่ใช้ซ่อมพัดลมไม่หมุนก็มีดังนี้ครับ
1. ไขควงแฉก
2. คีมตัดหรือ Cutter ก็ได้
3. หัวแร้ง
4. ตะกั่วบัดกลี
5. ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือตัว Capacitor
6. ส่วน Meter วัดไฟจะมีหรือไม่มีก็ได้ครับ ไม่ค่อยจำเป็นผมเอามาเช็คเพื่อให้เห็นว่าตัวที่เสียเกิดจากตัว Capacitor ครับ





นี่ครับตัว Capacitor ราคา 20 บาทเอง ซื้อได้ที่ร้านอมรครับ หากใครมีโอกาสไปเดินบ้านหม้อก็อาจจะหาได้ในราคา 10-15 บาท หรือร้านที่ขายอะหลั่ยเครื่องใช้ไฟฟ้า แล้วแต่สะดวกครับ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าใช้ค่าแบบไหนสำหรับตัวที่เราจะซ่อม ก็ต้องถอดร์อพัดลมมาดูก่อนครับ ซึ่งโดยทั่วๆ ไป (เกือบทุกยี่ห้อทุกรุ่น) ก็จะใช้ค่า 1.5uF(Micro Farad) 400V ครับ แต่เพื่อชัวร์ก็ควรจะถอดรื้อดูก่อนครับ หรือเอาตัวอย่างไปถามที่ร้านขายได้เลย บอกคนขายว่า Capacitor พัดลมครับ





ขั้นตอนแรกก็ถอด ๆๆ ก่อนเลยครับ ก่อนที่จะถอดอย่าลืมดึงปลั๊กก่อนนะครับ เกือบ ทุกยี่ห้อของพัดลมเจ้าตัว Capacitor จะอยู่ติดกับ Motor ครับแต่บางรุ่นจะอยู่ที่ปุ่มกด speed ครับ เพราะหากลากสายยาวไป สายที่เพิ่มขึ้นก็อาจจะทำให้ค่า Capacitor เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ เพราะฉะนั้นบริษัทผู้ผลิตก็จะเอาไว้ติดกับ Motor ครับ โดยจะมีน๊อต 2 ตัว ต้องถอดน๊อตตัวบนก่อน จากนั้นก็ถอดตัวที่ท้ายครับ


หลังจากนั้นก็จะได้หน้าตาแบบนี้ครับ ตัว Capacitor ก็คือที่ลูกศรชี้ไว้นั่นแหละครับ ขันน๊อตตัดสายออกมาได้เลย ไม่มีขั้วครับ ตอนต่อกลับต่อยังไงก็ได้ เอามาตรวจวัดให้ดูครับ ค่าที่ได้ของตัวนี้คือ 0.444 uF ซึ่งค่าปกติจะเป็น 1.5 uF เสียแน่นอน ซึ่งถ้าค่าน้อยกว่านี้อาจจะทำให้พัดลมไม่หมุนเลยก็ได้ ค่าที่โชว์ในรูปคือ 444.2 nF (Nano Farad) ซึ่งก็เท่ากับ 0.4442 uF (Micro Farad) ซึ่งก็คล้ายๆ กับ 1000 มิลลิกรัม เท่ากับ 1 ครับ 1000 เท่ากับ 1 กิโลกรัม นั่นแหละครับ ซึ่งจริงๆ ค่าพวกนี้มันแบ่งย่อยได้ลงไปอีก มิลลิ —> ไมโคร —> นาโน —> พิโก้ ใครเรียนมาทางสายวิทย์อาจจะคุ้นเคยAdvertisement


จากนั้นก็ปอกสายไฟตรงปลายเพื่อพัดกลีครับ ต้องระมัดระวังไม่ไปทำให้ส่วนอื่นๆ ของพัดลมเสียหายนะครับ เพราะขดลวด motor จะเล็กมากๆ ขายเอาได้ง่าย จริงๆ ขั้นตอนนี้ใครไม่มี หัวแร้ง ตะกั่ว ก็สามารถใช้วิธีการพันสายไฟได้ครับ เพียงแต่ต้องพันเข้ากันให้แน่นหนาที่สุด และหลังจากนั้นต้องพันด้วยเทปพันสายไฟอีกครั้ง อันนี้จำเป็นมากๆ นะครับไม่งั้นไฟช๊อตเอาได้
เสร็จแล้วก็จัดเก็บตำแหน่งครับ ขัดน๊อตยึดตัว Capacitor หรือหากตัวใหม่ที่ซื้อมาไม่มีขาสำหรับยึดน๊อต เหมือนที่ผมซื้อมาก็ใช้กาวสองหน้าได้ครับ จากนั้นก็ใส่ฝาครอบคืนตำแหน่ง ใส่ขาที่สำหรับดึงให้พัดลมส่าย คืนตำแหน่งครับ
เพิ่มเติมน้ะครับพอดีไปเจอ Video สอนซ่อมพัดลมหมุนช้ามาครับเลยเอามาฝากครับ


เห็นไหมครับว่าการซ่อมพัดลมอาการพัดลมหมุนช้าหรือพัดลมไม่หมุนนั้นเราเองสามารถซ่อมได้เพี่ยงแค่ 20 บาทเท่านั้น หากเราเอาพัดลมไปซ่อมที่ร้านรับรองต้องมี 200-300 บาทแน่นอนครับ และอีกอย่างเราเองก็ภูมิใจที่ได้ทำอะไรด้วยตัวเองโดยเริ่มจากการซ่อมพัดลมไม่หมุนนี่แหละครับ

 

ที่มา http://newsdodai.blogspot.com/2016/06/20_26.html